ปางที่ ๖๑
ปางปลงอายุสังขาร

 

ลักษณะของพระพุทธรูปปางนี้

อยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางบนพระเพลา แบฝ่าพระหัตถ์ขวายกขึ้น
ประทับที่พระอุระ อย่างกิริยาลูบพระกาย

พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนาน ดังนี้

ในเวลาเช้าแห่งวันปัณณรสี เพ็ญเดือน มาฆมาส สมเด็จพระบรมโลกนาถทรงถือบาตรเสด็จโคจรบิณฑบาต
ณ เมืองไพศาลี ครั้นกลับจากบิณฑบาตทรงภุตตกิจเสร็จแล้ว โปรดให้พระอานนท์เอาผ้านิสีทนะสำหรับรองนั่ง
ไปยังปาวาลเจดีย์ เพื่อประทับพักสำราญในเวลากลางวัน เมื่อพระอานนท์ลาดผ้านิสีทนะถวายภายใต้ร่มไม้แห่ง
หนึ่งแล้ว ก็เสด็จประทับนั่งตามพระประสงค์แม้พระอานนท์ก็ได้เข้าเฝ้าถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ในที่ใกล้

ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระประสงค์จะให้พระอานนท์กราบทูลอาราธนาพระองค์ ให้ทรงดำรงพระชนมายุ
อยู่ชั่วอายุกัปป์หนึ่ง หรือเกินกว่าอายุกัปป์หนึ่งนั้น จึงทรงแสดงโอฬาริกนิมิตร ให้แจ้งชัดโดยแสดงอานุภาพ
อิทธิบาทภาวนาว่า ผู้ใดได้เจริญอิทธิบาทภาวนาดีแล้วสามารถจะดำรงชีวิตอยู่ได้ถึงกัปป์หนึ่งหรือเกินกว่า
ตรัสปริยายนิมิตรให้ชัด ดังนั้นถึง หน มารเข้าดลใดพระอานนท์เสีย ไม่สามารถจะรู้ทัน พระดำรัสที่ทรงพระ-
ประสงค์ได้ พระอานนท์จึงไม่ได้กราบทูลอาราธนาให้พระผู้มีพระภาคเจ้าดำรงพระชนม์อยู่ตลอดอายุกัปป์หนึ่ง
หรือเกินกว่า ต่อนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงรับสั่งให้พระอานนท์ออกไปเสียจากที่นี้ พระอานนท์ถวายบังคมแล้ว
ออกไปนั่งอยู่ที่ร่มไม้ไม่ไกลจากพระผู้มีพระภาคเจ้านัก

ครั้นพระอานนท์หลีกออกไปแล้วไม่นาน มารได้ถือโอกาสเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วยกเนื้อความแต่
ปางหลัง ครั้งแรกได้ตรัสรู้อภิสัมโพธิญาณประทับ ณ ควงไม้อชปาลนิโครธนั้น ได้ตรัสว่า "บริษัททั้ง เหล่า
คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ยังไม่ฉลาดสามารถแสดงธรรมย่ำยีปรับปวาทโดยสหธรรมและพรหมจรรย์
ยังไม่ประกาศแพร่หลายบริบูรณ์ด้วยดี สำเร็จประโยชน์แก่ประชุมชนเป็นอันมาก ทั้งเทวดาและมนุษย์เพียงใด
แล้ว จักยังไม่ปรินิพพานก่อนเพียงนั้น" ดังนั้น บัดนี้ ปริสสมบัติและพรหมจรรย์ก็สมบูรณ์ดังพุทธประสงค์ทุก
ประการแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงปรินิพพานเถิด สุคตจงปรินิพพานเถิด บัดนี้เป็นกาลปรินิพพานของพระผู้-
มีพระภาคแล้ว

เมื่อมารกล่าวดังนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคจึงตรัสห้ามมาร ว่าดูกรมารผู้มีใจบาป ท่านจงมีความขวนขวายน้อย
เถิด ความปรินิพพานแห่งพระตถาคตจักมีไม่ช้า แต่นี้ไปอีก เดือน พระตถาคตก็จักปรินิพพาน

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระสติสัมปชัญญะปลงอายุสังขาร ณ ปาวาลเจดีย์ ก็เกิดอัศจรรย์ แผ่นดิน
ไหวและขนชูชันน่าสพึงกลัว ทั้งกลองทิพย์ก็บันลือลั่นในอากาศ ครั้งนั้นพระอานนท์เกิดพิศวงเพราะอัศจรรย์
เกิดมีเช่นนั้น จึงออกจากร่มไม้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคทูลถามถึงเหตุที่ทำให้เกิดอัศจรรย์ มีแผ่นดินไหว
เป็นต้น

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูกรอานนท์ เหตุที่ทำให้แผ่นดินไหวนั้น มี ประการ คือ
๑. ลมกำเริบ
๒. ท่านผู้มีฤทธิ์บันดาล
๓. พระโพธิสัตว์จุติลงสู่พระครรภ์
๔. พระโพธิิสัตว์ประสูติ
๕. พระตถาคตเจ้าตรัสรู้พระอนุตตรสัมสัมโพธิญาณ
๖. พระตถาคตเจ้าแสดงธัมมจักกัปปวัฒนสูตร
๗. พระตถาคตเจ้าปลงอายุสังขาร
๘. พระตถาคตเจ้าปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพธาตุ
เหตุ ประการนี้ แต่ละอย่างเป็นเหตุให้แผ่นดินไหว ต่อนั้นทรงนำเนื้อความหนหลัง ครั้งแรกได้ตรัสรู้พระสัม-
โพธิญาณเสด็จอยู่ ณ ควงไม้อชปาลนิโครธ ได้ตรัสแก่มารอย่างไรนั้นมาตรัสแก่พระอานนท์ แล้วรับสั่งว่า
บัดนี้พระองค์ได้ปลงอายุสังขารแล้ว แผ่นดินจึงไหวเพราะเหตุนั้น

พระอานนท์จึงกราบทูลว่า ขอพระผู้มีพระภาคจงอยู่กัปป์หนึ่งเถิด เพื่อเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุข
แก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่เทพยดามนุษย์ทั้งหลาย

พระผู้มีพระภาคตรัสห้ามว่า อานนท์ อย่าเลย เธออย่าได้วิงวอนพระตถาคตเลย บัดนี้มิใช่เวลาที่เธอจะวิงวอน
พระตถาคตเสียแล้ว พระอานนท์ก็หาฟังไม่ ได้พยายามวิงวอนถึง ครั้ง ครั้ง พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า
อานนท์ เธอยังเชื่อปัญญาความตรัสรู้ของพระตถาคตอยู่หรือ ?
เชื่อพระเจ้าข้า
ก็เมื่อเธอเชื่อแล้ว ไฉนยังมาบีบแค่นได้พระตถาคตถึง ครั้งเล่า
เพราะข้าพระองค์ได้รับฟังจากพระองค์มาโดยเฉพาะว่า อิทธิบาทภาวนา ประการนี้ เมื่อผู้ใดเจริญ ทำให้มาก
ดีแล้ว ผิว่าผู้นั้นประสงค์จะดำรงอยู่ด้วยรูปกายนี้แล้ว ผู้นั้นก็สามารถจะอยู่ได้กัปป์หนึ่งหรือเกินกว่าก็อิทธิบาทนี้
พระตถาคตได้เจริญแคล่วคล่องชำนาญดีแล้ว ถ้าพระตถาคตเจ้าปรารถนาจะดำรงอยู่ด้วยสรีระกายนี้ ก็สามารถ
จะดำรงอยู่สิ้นอายุกัปป์หนึ่งหรือเกินกว่าได้ ฉะนั้น ข้าพระองค์จึงขอกราบทูลวิงวอนถึง ครั้ง เป็นกำหนดฉะนี้
อานนท์ เธอเชื่ออานุภาพของอิทธิบาทภาวนาหรือ ?
เชื่อพระเจ้าข้า
อานนท์เมื่อเธอเชื่อแล้ว ไฉน เมื่อพระตถาคตแสดงโอฬาริกนิมิตร ประกาศอานุภาพของอิทธิบาทภาวนาให้
อานนท์ฟังถึง ๑๖ ครั้ง ในสถานที่ ๑๖ แห่ง คือ เมืองราชคฤห์ ๑o แห่ง เมืองไพศาลี แห่ง แล้วพระผู้มีพระภาค
ได้ทรงแจงสถานที่ทั้ง ๑๖ แห่ง ให้พระอานนท์ฟัง แล้วรับสั่งว่า ในสถานที่ทั้ง ๑๖ แห่งนี้ ถ้าอานนท์สามารถจะรู้
ทันความประสงค์ของพระตถาคตในขณะฟังนั้น และพึงวิงวอนพระตถาคตให้ดำรงอยู่ตลอดกัปป์หนึ่งหรือเกิน
กว่าสักครั้งหนึ่งในสถานที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งยังเป็นเวลาอยู่ พระตถาคตก็จะรับคำวิงวอนของอานนท์ แต่แล้วอานนท์
ก็ไม่สามารถจะรู้ ไม่วิงวอนให้อยู่ ข้อนั้นเป็นความผิดของอานนท์ผู้เดียว

เพื่อบันเทาความเศร้าใจความเสียใจของพระอานนท์ ที่ไม่สามารถรู้ทันและไม่ทันได้อาราธนาให้ทรงดำรงอยู่
กัปป์หนึ่ง พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า อานนท์ เราได้บอกแล้วแต่เดิมมิใช่หรือว่า บรรดาสัตว์และสังขารที่รักใคร่
เจริญใจทั้งปวง ย่อมต้องพลัดพลากเป็นอย่างอื่นไป ไม่คงทนถาวรอยู่ได้ตามใจประสงค์ อานนท์ การจะหาสิ่ง
ที่พึงใจและถาวรมั่นคงในสังขารนี้ จะได้ที่ใหน สิ่งใดอาศัยปัจจัยแต่งขึ้น สิ่งนั้นจะต้องแตกสลายไปเป็นธรรมดา
อานนท์ การจะร่ำร้องปรารถนาว่า ขอสิ่งนั้นจงตั้งอยู่ อย่าพินาศเลย ไม่เป็นฐานที่ผู้ร่ำร้องจะพึงได้ดังใจประสงค์

อานนท์ก็สิ่งใดแล ที่พระตถาคตได้ สละแล้ว คายเสียแล้ว ปล่อยเสียแล้ว ละเสียแล้ว วางเสียแล้ว
อันพระตถาคตจะเอาสิ่งนั้นคืนกลับมาอีก เพราะเหตุแห่งชีวิตข้อนั้นไม่เป็นฐานะที่จะพึงมีได้
แสดงว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าจะต้องเสด็จดับขันธปรินิพพาน นับแต่นี้ไปอีก ๓ เดือน
คือในวันเพ็ญเืดือนวิสาขมาสโดยแท้แล .

 

จบตำนานพระพุทธรูป
ปางแสดงโอฬาริกนิมิตร , ปางห้ามมาร , ปางปลงอายุสังขาร ,
รวม ๓ ปาง แต่เพียงนี้
.