ปางที่ o๗
ปางลอยถาด
ลักษณะของพระพุทธรูปปางนี้
อยู่ในพระอิริยาบถนั่งคุกพระชานุ (เข่า) ทั้งสองลงกับพื้น
พระหัตถ์ซ้ายวางที่พระเพลาข้างซ้ายเป็นอาการค้ำพระกายให้ตั้งมั่น
ทอดพระเนตรลงต่ำ พระหัตถ์ขวาทรงจับถาด ทำกิริยาวางลงในน้ำ
พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนาน ดังนี้
ซึ่งได้มีตำนานพระพุทธเจ้ารูป ปางรับมธุปายาส และ ปางเสวยมธุปายาส
ซึ่งเป็นปางที่ o๕ ที่ o๖ รวมอยู่ด้วย มีเนื้อความติดต่อกัน ดังนี้
ในหมู่บ้านตำบลอุรุเวลา เสนานิคม ซึ่งไม่ไกลจากที่ประทับของพระมหาบุรุษเจ้านั้น
มีธิดาของคฤหบดีผู้มั่งคั่งในตำบลบ้านนั้นคนหนึ่ง ชื่อว่านาง สุชาดา นางได้ไปทำพิธี
บวงสรวงบูชาเทพารักษ์ ณ ที่ควงไม้นิโครธพฤกษ์นั้นและได้ตั้งปณิธานไว้ว่า
ขอให้นางได้สามีที่ดีมีสกุลเสมอกัน กับขอให้ได้บุตรคนแรกเป็นชาย
ครั้นต่อมานางสุชาดาได้สามีและบุตรชายสมความปราถนา
นางจึงคิดจะหุงข้าวมธุปายาสอันประณีตด้วยเครื่องปรุงทุกประการ ไปบูชาเทพารักษ์
ที่ได้บนบานไว้ ดังนั้นในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ นางสุชาดา จึงสั่งบ่าวไพร่ตระเตรียมการ
ทำข้าวปายาสเป็นการใหญ่ และกว่าจะสำเร็จเป็นข้าวปายาสเรียบร้อยดี ก็ตกถึงเพลาเที่ยงคืน
ดังนั้นก่อนที่นางจะเข้านอน จึงสั่งนางปุณณทาสีหญิงคนใช้ที่สนิทว่าพรุ่งนี้ให้ออกไป
ทำความสะอาดแผ้วกวาดที่โคนต้นนิโครธพฤกษ์นั้น เพื่อที่จะได้จัดตั้งเครื่องสังเวยเทพารักษ์
ฝ่ายนางปุณณทาสี เมื่อตื่นนอน ก็รีบกระวีกระวาดเดินทางไปยังตันนิโครธพฤกษ์แต่เช้า
เพื่อปัดกวาดสถานที่ ตามคำสั่งของนางสุชาดา ครั้นเดินเข้าไปใกล้ร่มไม้นิโครธพฤกษ์
และเห็นพระมหาบุรุษเจ้าเสด็จประทับนั่งอยู่ ณ ร่มไม้นั้น ผินพระพักตร์ทอดพระเนตรไปทาง
ปราจีนทิศ (ตะวันออก) มีรัศมีพระกายแผ่ซ่านออกไปเป็นปริมณฑลงามยิ่งนัก
นางก็นึกทึกทักตระหนักแน่ใจเอาทันทีว่า วันนี้เทพเจ้าลงจากต้นไทรงามมานั่งคอยรับของ
สังเวยเจ้าแม่ด้วยมือทีเดียว นางดีใจรีบกลับมายังเรือน บอกนางสุชาดาละล่ำละลักว่า
เทพารักษ์ที่เจ้าแม่มุ่งทำพลีกรรมสังเวยนั้น บัดนี้ได้มานั่งรอเจ้าแม่อยู่ที่ควงไม้ไทรแล้ว
ขอให้เจ้าแม่รีบไปเถอะ
นางสุชาดามีความปลายปลื้มใจมาก จึงได้พูดว่า ขอให้เจ้าเป็นลูกคนโตของแม่เถิด
แล้วมอบเครื่องแต่งตัวให้นางปุณณทาสี และหยิบถาดทองมา ๒ ถาด
ถาดหนึ่งใส่ข้าวปายาสจนหมด มิได้เหลือเศษไว้เลย ข้าวปายาสเต็มถาดนั้นพอดี
แล้วให้ปิดด้วยถาดทองอีกถาดหนึ่ง กับให้หุ้มห่อด้วยผ้าอันบริสุทธิ์ เมื่อนางสุชาดา
แต่งกายด้วยอาภรณ์เสร็จแล้ว ก็ยกถาดข้าวปายาสขึ้นทูลหัว ลงจากเรือนพร้อมด้วย
หญิงคนใช้เป็นบริวารติดตามมา ครั้นถึงต้นไทรเห็นพระมหาบุรุษงามด้วยรัศมีดังนั้น
ก็มีความโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง สำคัญว่าเป็นรุกขเทวดาโดยแท้ จึงเดินยอบกายเข้าไป
เฝ้าแต่ไกลด้วยคารวะ ครั้นเข้าไปใกล้จึงน้อมถาดข้าวปายาสถวายด้วยความเคารพยิ่ง
ขณะนั้น บาตรที่ฆฏิการพรหมถวายพระมหาบุรุษเจ้าในวันแรกทรงบรรพชา
เกิดอันตรธานหายไปจากที่นั้น พระมหาบุรุษเจ้าก็ทรงเหยียดพระหัตถ์ทั้งสองออกรับ
แล้วทอดพระเนตรดูนางสุชาดา แสดงพระอาการทางจักษุให้นางรู้ชัดว่า
พระองค์ไม่มีบาตรจะถ่ายข้าวปายาสไว้ เมื่อนางสุชาดาทราบโดยพระอาการเช่นนั้น
ก็พลันกราบทูลว่า หม่อมฉันขอถวายหมดทั้งถาดเจ้าค่ะ พระองค์มีประสงค์ประการใด
โปรดนำไปตามพหฤทัยเถิด แล้วถวายอภิวาททูลอีกว่า ความปราถนาของหม่อมฉัน
สำเร็จฉันใด ขอสิ่งซึ่งพระองค์ทรงพระประสงค์จงสำเร็จฉันนั้นเถิด แล้วนางก็ก้มลง
กราบถวายบังคมลา กลับเรือนด้วยความสุขใจเป็นล้นพ้น
เมื่อนางสุชาดาทูลลากลับไปแล้ว พระมหาบุรุษเจ้าก็เสด็จลุกขึ้นจากที่ประทับ
ทรงถือถาดข้าวปายาส เสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ประทับนั่งยังที่ริมฝั่งนั้น
บ่ายพระพักตร์สู่บุรพทิศ พระหัตถ์ซ้ายประคองถาดมธุปายาส พระหัตถ์ขวาทรง
ปั้นข้าวมธุปายาสเป็นปั้นๆ ได้ ๔๙ ปั้น แล้วเสวยจนหมดแล้วทรงถือถาดลงไป
สู่แม่น้ำ
ครั้นถึงหาดทรายชายน้ำ ก็เสด็จคุกพระชานุ พระหัตถ์ซ้ายยันที่พระเพลาเบื้องซ้าย
ค่ำกายให้มั่น พระหัตถ์ขวาทรงถือถาดวางลงบนกระแสน้ำ ตั้งพระหฤทัยอธิษฐานเสี่ยง
พระบารมีว่า ถ้าอาตมาจะได้ตรัสรู้แก่พระปรมาภิเสกสัมโพธิญาณแล้วไซร้ ขอให้ถาดทองนี้
จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปเถิด แล้วทรงปล่อยถาดให้หลุดจากพระหัตถ์ลอยไปในแม่น้ำ
เนรัญชรา
ขณะนั้นด้วยอนุภาพพระบารมีของพระมหาบุรุษเจ้า ซึ่งได้ทรงบำเพ็ญมาบริบูรณ์ดีแล้ว
ได้แสดงให้เห็นเป็นอัศจรรย์ ถาดทองนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปประมาณ ๑ เส้น
แล้วก็จมลงตรงนาคพิภพแห่งพญากาฬนาคราช .
จบตำนานพระพุทธรูป
ปางรับมธุปายาส ปางเสวยมธุปายาส และปางลอยถาด รวม o๓ ปาง
แต่เพียงนี้ .
์